หัวหน้ากลุ่มกบฏเซเลก้า ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ระบุรัฐบาลชุดใหม่จะไม่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมอีกต่อไป แต่จะออกเป็นคำสั่งคณะรัฐประหารแทน...จากกรณีกองกำลังกบฏ “เซเลก้า” ประสบความสำเร็จในการทำรัฐประหารบุกยึดกรุงบ็องกี ของแอฟริกากลาง เมื่อวันที่ 25 มี.ค. และโค่นล้มรัฐบาลของนายฟร็องซัวร์ โบซิเซ ประธานาธิบดีแอฟริกากลางนั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ว่าหัวหน้ากลุ่มกบฏได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการแล้ว ระบุจากนี้รัฐบาลชุดใหม่จะบริหารโดยการออกเป็นคำสั่งคณะรัฐประหาร ไม่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมอีกต่อไปทั้งนี้ นายมิเชล โจโตเดีย หัวหน้ากลุ่มกบฏเซเลก้า เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า ในการที่จะบริหารประเทศต่อไปนั้น ตนเล็งเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องยุติการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2547 ยุบสภาและโละรัฐบาลทิ้ง อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมจะทำตามสัญญาในข้อตกลงสันติภาพ “ลิเบรวิลล์” ที่ทางกลุ่มร่วมลงนามกับรัฐบาลเก่าเมื่อปีก่อน โดยขอรับปากว่าจะจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสน่าเชื่อถือในอีก 3 ปี ข้างหน้า หรือปี 2559 แต่ระหว่างช่วงในการโอนถ่ายเปลี่ยนอำนาจนี้ ตนจะบริหารงานด้วยการออกเป็นคำสั่งคณะรัฐประหารตามที่เห็นสมควรสำหรับชะตากรรมของอดีตผู้นำโบซิเซ ที่ยังไม่มีใครทราบว่าหนีไปที่ไหนนั้น ในวันเดียวกันรัฐบาลแคเมอรูน ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันแล้วว่า นายโบซิเซได้ขอลี้ภัยชั่วคราวเข้ามาอยู่ในแคเมอรูน แต่ทางนายโบซิเซยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้หรือประณามการรัฐประหารยึดอำนาจครั้งนี้ส่วนบรรยากาศภายในกรุงบ็องกียังเต็มไปด้วยความโกลาหลไร้ระเบียบขื่อแป แม้ว่าทางกลุ่มกบฏเซลาก้าจะประกาศเคอร์ฟิวในช่วงเวลา 19.00 น. ถึง 06.00 น. สมาชิกจำนวนมากของกองกำลังกบฏแนวร่วมกับกลุ่มเซเลก้า ยังคงขับรถไปตามเมืองพร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าฉลองชัยชนะ ขณะที่กลุ่มผู้ฉวยโอกาสก็ยังคงออกปล้นสะดมตามร้านค้าต่างๆ ไปจนถึงจี้ปล้นผู้คนที่สัญจรไปมาตามท้องถนนวันเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่ออกประณามกลุ่มเซเลก้าไปเมื่อวันก่อน ได้เปิดเผยว่า จะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะยกระดับมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ขณะที่สหภาพแอฟริกา หรือเอยู ได้ออกมาตรการงดการเดินทางไปประเทศแอฟริกากลางโดยเด็ดขาด พร้อมสั่งอายัดทรัพย์สินของหัวหน้ากลุ่มเซเลก้าทั้งหมด 7 คน พร้อมเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกปฏิเสธการช่วยเหลือกลุ่มกบฏเซเลก้า.
No comments:
Post a Comment